พระราชกรณียกิจ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นพระมารดาของแผ่นดินที่ทรงอุทิศพระองค์เพื่อประชาชนชาวไทยมายาวนานกว่า 60 ปี ด้วยพระวิริยะอุตสาหะและความอดทนอันแรงกล้า พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกภาคส่วน ตั้งแต่การส่งเสริมศิลปาชีพ การอนุรักษ์ธรรมชาติ การพัฒนาการเกษตร ไปจนถึงการดูแลด้านสาธารณสุข ทำให้พสกนิกรทั่วแผ่นดินได้รับพระมหากรุณาธิคุณและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ดังจะเห็นได้จากพระราชกรณียกิจที่สำคัญในด้านต่าง ๆ ดังนี้
ด้านการส่งเสริมศิลปาชีพ

พระองค์ทรงริเริ่มการส่งเสริมศิลปาชีพมากว่า 60 ปี โดยก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมงานศิลปะพื้นบ้านที่มีความงดงามหลากหลายสาขา เช่น การปั้น การทอ และการจักสาน โครงการนี้เริ่มจากโรงฝึกศิลปาชีพสวนจิตรลดา ที่ได้พัฒนาการดำเนินงานอย่างก้าวหน้า ผลงานที่สร้างขึ้นล้วนเป็นประณีตศิลป์ชั้นสูง มีความวิจิตงดงามยิ่ง
ในปี 2553 โรงฝึกศิลปาชีพสวนจิตรลดาได้ยกสถานะขึ้นเป็น “สถาบันสิริกิติ์” เพื่อสานต่องานศิลปาชีพเผยแพร่ผลงานประณีตศิลป์ ผลงานอันวิจิตรของลูกหลานชาวนาชาวไร่ ได้อวดโฉมโชว์ความงดงามให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาแล้วมากมายผ่านการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ “ศิลป์แผ่นดิน” ตำบลเกาะเกิด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งแบ่งการจัดแสดงเป็นสัดส่วนต่างๆ ตั้งแต่ห้อง “ปีกแมลงทับ” ที่แสดงการตกแต่งแผ่นไม้แกะสลัก เครื่องใช้ไม้สอยและถนิมพิมพาภรณ์ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์จำลอง รวมถึงงานปักเส้นไหมโบราณขนาดใหญ่ งานคร่ำ งานสานย่านลิเภา และงานเครื่องประดับนานาชนิด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือชาวนาชาวไร่ที่ผ่านการฝึกฝนจนกลายเป็นช่างฝีมือด้านศิลปะไทยอันยอดเยี่ยม
ด้านการส่งเสริมอนุรักษ์ธรรมชาติ
โครงการ “บ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริ” เป็นหนึ่งในโครงการที่แสดงให้เห็นถึงพระราชปณิธานอันแรงกล้าในการอนุรักษ์ป่าไม้ ตามพระราชดำรัสที่ว่า “พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า” ซึ่งแสดงถึงการสนับสนุนการทรงงานของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนาแหล่งน้ำ
โครงการนี้เริ่มต้นที่บ้านห้วยไม้หก อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ใน พ.ศ. 2534 โดยมีพระราชดำริแนวทางการอนุรักษ์ให้คงมีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ รักษาป่าที่ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่ไม่ให้ถูกทำลายต่อไป จัดให้มีการฟื้นฟูสภาพป่าที่ถูกทำลายไป โดยให้มีทั้งไม้ป่าธรรมชาติและไม้ใช้สอย จัดหาพื้นที่ทำกินของราษฎร ให้การช่วยเหลือด้านการเกษตรให้สามารถทำกินได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องตัดไม้ทำลายป่า และจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอ หลังจากประสบความสำเร็จ จึงมีการขยายโครงการไปยังพื้นที่อื่นๆ เช่น บ้านอุดมทรัพย์ อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร, บ้านหนองห้า อ.เชียงคำ จ.พะเยา และดอยฟ้าห่มปก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

ด้านหัตถศิลป์
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็น “ราชินีแห่งไหมไทย” ที่ทรงนำผ้าไหมไทยที่เคยถูกลืมให้กลับมาเป็นที่นิยมและมีชื่อเสียงระดับโลก การทรงงานด้านนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 เมื่อครั้งเสด็จฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ พระองค์มีพระราชเสาวนีย์ให้ส่งเสริมการทอผ้าไหมไทยขึ้น ก่อเกิดเป็นโครงการส่งเสริมอาชีพสร้างรายได้ให้แก่ราษฎรอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ
โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริ บ้านห้วยไม้หก ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ด้วยกันได้โดยไม่เกิดการทำลาย ดังพระราชประสงค์หลังจากนั้นจึงมีการต่อยอด จัดตั้งโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่อีกหลายพื้นที่ เช่น โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริบ้านอุดมทรัพย์ อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร, โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริบ้านหนองห้า อ.เชียงคำ จ.พะเยา, โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริดอยฟ้าห่มปก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ฯลฯ


ความโดดเด่นของผ้าไหมไทยในสายตาชาวโลกได้ปรากฏอย่างชัดเจนใน พ.ศ. 2505 เมื่อพระองค์ได้รับเลือกให้เป็นสตรีที่แต่งพระองค์งามที่สุดในโลกผู้หนึ่ง ในจำนวนสุภาพสตรีของโลกทั้งหมด 10 คน จากบรรดาผู้เชี่ยวชาญการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีของโลก ทรงนำความงดงามของผ้าไทยให้เป็นที่รู้จักในสังคมวงกว้างและสวมใส่อย่างแพร่หลาย ปัจจุบันภายใต้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ยังคงเผยแพร่ความงดงามของผ้าไหมและหัตถกรรมไทยสู่สายตาชาวโลกอย่างต่อเนื่อง
ด้านการเกษตรและชลประทาน

พระองค์ทรงเน้นเรื่องการค้นคว้า ทดลอง และวิจัยหาพันธุ์พืชใหม่ๆ ทั้งพืชเศรษฐกิจ พืชสมุนไพร รวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับแมลงศัตรูพืช และพันธุ์สัตว์ต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นนั้น ๆ โดยแต่ละโครงการจะเน้นให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง มีราคาถูก ใช้เทคโนโลยีง่าย ไม่สลับซับซ้อน เกษตรกรสามารถดำเนินการเองได้ นอกจากนี้ยังทรงพยายามไม่ให้เกษตรกรยึดติดกับพืชผลทางการเกษตรเพียงอย่างเดียว เพราะอาจเกิดปัญหาอันเนื่องมาจากความแปรปรวนของสภาพดินฟ้าอากาศ หรือความแปรปรวนทางการตลาด
สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริได้รับการจัดตั้งขึ้นระหว่างปี 2546-2548 โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ คือ 1) ฟื้นฟูและอนุรักษ์สภาพป่าพื้นที่ต้นน้ำลำธารโดยใช้ไม้ในท้องถิ่นและขยายพันธุ์พืชหายากหรือใกล้สูญพันธุ์ 2) พัฒนาคุณภาพชีวิตการจัดหาน้ำเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภคส่งเสริมการทำการเกษตรให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และส่งเสริมอาชีพให้ราษฎรในพื้นที่ 3) ศึกษาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากป่าให้เป็นเศรษฐกิจเพื่อให้คนอยู่กับป่าได้
ตัวอย่างความสำเร็จเช่น สถานีสาธิตและถ่ายทอดการเกษตรป่าไม้ สิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากพระราชดำริบ้านแปกแซม อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ระบบนิเวศของป่าต้นน้ำลำธารได้รับการฟื้นฟู จำนวน 250 ไร่ ราษฎรได้รับประโยชน์ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณน้ำจากการจัดทำฝายต้นน้ำลำธารแบบผสมผสาน ราษฎรในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเป็นแรงงานในสถานีฯและจากการท่องเที่ยว

ด้านการศึกษา


สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงถือว่าการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตและความเป็นอยู่ของราษฎร จึงทรงเข้ามาแก้ไขปัญหาด้านการศึกษาอย่างเต็มพระกำลังด้วยวิญญาณแห่งความเป็นแม่และครู โดยทรงใช้แนวทางการแก้ปัญหาแบบบูรณาการ ไม่มุ่งแก้ปัญหาเพียงด้านเดียว แต่แก้ปัญหาทุกมิติพร้อมกัน เช่น เมื่อทรงพบครอบครัวยากจน จะทรงหาอาชีพให้พ่อแม่และพระราชทานการศึกษาแก่ลูก ทั้งยังทรงส่งเสริมการศึกษาตามศักยภาพของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาระดับสูงสำหรับเด็กที่มีความสามารถ การศึกษาวิชาชีพสำหรับผู้ที่เหมาะสม หรือแม้แต่การศึกษาสำหรับเด็กพิการที่มีศักยภาพ
นอกจากนี้ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังทรงคำนึงถึงราษฎรทั่วประเทศที่ไม่มีโอกาสได้ศึกษาหาความรู้ จึงทรงริเริ่มโครงการ “ศาลารวมใจ” หรือห้องสมุดสารพัดประโยชน์ในหมู่บ้านต่างๆ เพื่อให้ราษฎรทุกเพศทุกวัยได้เพิ่มพูนความรู้ทั้งในและนอกระบบโรงเรียน มีความรู้รอบตัว รู้ถึงความเปลี่ยนแปลง สามารถปรับตัวให้ทันกับสภาพสังคมปัจจุบัน และที่สำคัญคือสามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ เพื่อเป้าหมายสูงสุดในการสร้างประชาชนที่มีคุณภาพของประเทศชาติต่อไป
ด้านการสาธารณสุข
พระองค์ทรงริเริ่มจัดตั้ง “มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์” ในกรณีที่ทรงพบราษฎรเจ็บป่วยก็จะทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ทรงอุปถัมภ์องค์กรการกุศล สมาคม มูลนิธิต่างๆ เป็นจำนวนมาก พระองค์ทรงตระหนักว่าการมีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์จะนำไปสู่สุขภาพจิตที่ดี และสามารถทำประโยชน์ด้านอื่น ๆ ต่อไปได้
พระองค์จึงได้พระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านสาธารณสุขเป็นจำนวนมาก อาทิ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดคณะแพทย์ตามเสด็จในต่างจังหวัด นำมาสู่หน่วยแพทย์พระราชทาน และสานต่อโครงการหมอหมู่บ้านของในหลวง รัชกาลที่ 9 คัดชาวบ้านที่สมัครใจมาอบรม เพื่อนำความรู้กลับไปช่วยเหลือคนเจ็บป่วยในหมู่บ้าน โดยให้ชาวบ้านรู้จักใช้ยาและดูแลรักษาอนามัยเบื้องต้น ขณะที่คนไข้ป่วยหนักยากจนทรงไม่ทอดทิ้งรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์
ทุกชีวิตของราษฎรมีความหมายใต้ร่มพระบารมีสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง แม้ในสถานการณ์ปัจจุบันที่พสกนิกร 76 จังหวัด เผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงยังคงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และชุดอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ PAPR เพื่อใช้ในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลประจำจังหวัดและโรงพยาบาลในสังกัดต่าง ๆ


ด้านความมั่นคงของชาติ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงห่วงใยความมั่นคงของชาติและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทุกวิถีทางที่จะช่วยทะนุบำรุงและปกป้องรักประเทศชาติ ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมทหาร ตำรวจ ราษฎรอาสาสมัคร จนถึงฐานปฏิบัติการ พระองค์โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปทรงเยี่ยมเยียนพวกเขาเหล่านี้จนถึงฐานปฏิบัติการ ทรงนำเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นไปพระราชทาน และหลายครั้งที่ทรงนำพระเครื่องไปพระราชทานเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่อันตรายเพียงใดก็ตามได้พระราชทานถุงของขวัญประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อพระราชทานกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานด้านความมั่นคงของชาติตลอดมา
ยามใดที่มีข่าวการปะทะและต้องสูญเสียบุคคลเหล่านี้ ก็ทรงเศร้าสลดพระราชหฤทัยและจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานความช่วยเหลือแก่บุคคลนั้นรวมทั้งครอบครัวทันที พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ไม่ได้จำกัดเพียงแต่ตัวเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงครอบครัวของผู้ที่เสียสละเพื่อชาติด้วย การปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านความมั่นคงของชาติของพระองค์ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่พระองค์ทรงให้กับการรักษาสันติภาพและความปลอดภัยของประชาชนไทย รวมถึงการทรงตระหนักว่าความมั่นคงของชาติต้องอาศัยความเสียสละของเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ซึ่งสมควรได้รับการดูแลและให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ
